
พระเจ้า Richard ที่ 1 แห่งอังกฤษ ท่านครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งประเทศอังกฤษ ในช่วงปี ค.ศ. 1189- ค.ศ. 1199 ท่านมักจะถูกเรียกด้วยพระนามว่า Richard the Lionheart สำหรับฉายานี้ก็ได้มาในครั้งที่พระองค์ทรงแสดงความเป็นวีรบุรุษ ทำให้ทางด้านวรรณกรรมก็กล่าวถึงพระองค์ในแง่นั้นอยู่เสมอ โดยท่านทรงเป็นผู้บัญชาการกองทัพกลาง ใน สงครามครูเสดครั้งที่ 3 อีกทั้งยังมีชัยชนะเหนือซาลาดิน
Richard the Lionheart ผู้นำหัวใจสิงห์
Richard the Lionheart คือโอรสผู้ชอบธรรมองค์ที่ 3 ของพระเจ้า Henry ที่ 2 แห่งอังกฤษ พระองค์ทรงเป็นโอรสคนโปรดของพระมารดาผู้มีเชื้อสายฝรั่งเศส และด้วยความที่ท่าน Richard ไม่ได้เกิดมาเป็นลูกคนโตเรื่องครองบังลังค์จึงเป็นเรื่องไม่นึกฝัน
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าท่านจะประสูติ ณ ประเทศอังกฤษ หากแต่เพียงไม่นานต่อมาพระองค์ก็ได้ยึดถือเอาฝรั่งเศสเป็นประเทศบ้านเกิด เมื่อครั้งพระมารดาและพระบิดาแยกทางกัน พระองค์ได้ไปอยู่ในการดูแลของพระมารดา อีกทั้งยังได้รับการแต่งตั้งจากพระนางให้เป็นดัชชีแห่งแคว้น Aquitaine ในปีค.ศ. 1168 และแห่งแคว้น Poitiers ปีค.ศ. 1172
โดย Richard ได้ศึกษาเรียนรู้วิธีการต่อสู้ การออกศึก ซึ่งพร้อมจะปกป้องมรดกผู้รักยิ่งตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่น พระองค์เป็นผู้มีการศึกษาในระดับสูง อีกทั้งยังสามารถแต่งบทกวีเป็นภาษาฝรั่งเศสได้อย่างไพเราะ อีกทั้งพระองค์ยังทรงมีรูปร่างหน้าตาดี ผมทอง ตาสีฟ้า สูงประมาณ 193 เซนติเมตร ซึ่งทักษะพิเศษของท่าน คือ มีความโดดเด่นในกิจกรรมทางการทหาร อีกทั้งยังเปี่ยมล้นไปด้วยความสามารถทางด้านการเมืองและการทหารตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ท่านได้รับการยกย่องว่าทรงมีทั้งความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว มากบารมีสามารถควบคุมบุคคลชั้นสูงได้ในเวลาอันรวดเร็ว หากแต่ Richard ไม่ค่อยนับถือพระบิดาสักเท่าไหร่นัก
ศึกนี้ที่สร้างชื่อ
อย่างที่ได้กล่าวไว้ว่าพระองค์ มีความสามารถทางการทหารอย่างเปี่ยมล้น ด้วยเหตุนี้การศึกที่สร้างชื่อให้แก่พระองค์ ก็คือ สงครามครูเสดครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นสงครามการปะทะกันระหว่างคริสเตียนกับ มุสลิม ซึ่งเป็นสงครามอันยาวนานดำเนินต่อกันมานับร้อยปี ทางกองทัพของมุสลิม ณ ตอนนั้น นำโดยซาลาดิน ซึ่งท่านก็เป็นอีกหนึ่งกษัตริย์ที่มีชื่อเสียงทางการรบผู้ยิ่งใหญ่ หลังจากเกิดการสู้รบกันยาวนาน มีทหารกล้าล้มตายจำนวนมาก สุดท้ายกองทัพทั้ง 2 ฝ่าย ต่างก็ยอมทำสัญญาสงบศึกกัน ซึ่งมีเงื่อนไข คือ ยินยอมให้ชาวคริสเตียนเดินทางไปเยรูซาเล็มได้ โดยห้ามพบอาวุธเข้าไปด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการไปสัมผัสถึงความน่าเกรงขาม ณ ปัจจุบันรูปปั้นของพระองค์ตั้งอยู่บริเวณนอกวัง Westminster กรุง Londonประเทศอังกฤษ