
จักรวรรดิ ‘Sassanid’ มีประวัติอันน่าสนใจตรงที่ เป็นจักรวรรดิสุดท้ายที่ล่มสลายหลังจากนั้นศาสนาอิสลามจึงได้ถือกำเนิดขึ้น โดยจัดเป็น 1 ใน 2 มหาอำนาจที่ครองของเอเชียตะวันตกเป็นระยะเวลาอันแสนยาวนานกว่า 400 ปีมาแล้ว
ทำความรู้จักกับจักรวรรดิ ‘Sassanid’
ราชวงศ์ ‘Sassanid’ ได้รับการก่อตั้งโดย Ardashir I หลังจากพระองค์ได้คว้าชัยชนะต่อจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิ Parthian องค์สุดท้ายแห่ง Artabanus IV จนกระทั่งสิ้นสุดลงในยาม Yazdegerd III มาปราชัยหลังจากที่ท่านทรงใช้เวลาถึง 14 ปีในการต้านทานต่อจักรวรรดิ Rashidun
จักรวรรดิ ‘Sassanid’ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘Eranshah’ หรือ จักรวรรดิอิหร่านมีความเกรียงไกรใหญ่โต โดยมีสถานที่ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณ ณ ปัจจุบันคืออิหร่าน, อิรัก, อาร์มีเนีย, ตะวันตกเฉียงใต้ของเอเชียกลาง, ตะวันตกของอัฟกานิสถาน, ริมฝั่งทะเลของคาบสมุทรอาหรับ, อ่าวเปอร์เซีย รวมทั้งบางส่วนของปากีสถาน
จักรวรรดิ ‘Sassanid’ อีกหนึ่งความรุ่งเรืองของ Persian
สมัยการปกครองของ ‘Sassanid’ จัดเป็นยุคสมัยอันแสนยาวนาน และเป็นสมัยมีความสำคัญที่สุดตลอดจนมีอิทธิพลที่สุดทางประวัติศาสตร์ และเป็นยุคสมัยรุ่งเรืองที่สุดของ Persian อีกทั้งยังเป็นจักรวรรดิสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่ยุคการพิชิตของมุสลิมตลอดจนการเข้ามาของการนับถือศาสนาอิสลาม โดยวัฒนธรรมของ Persian ส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมของ Roman เป็นอย่างมาก และในยุคเดียวกันนั้นเองจักรวรรดิ Roman ก็มีความเคารพนับถือจักรวรรดิ ‘Sassanid’ เช่นเดียวกัน สามารถเห็นได้จากพระราชสาส์นจากจักรพรรดิ Roman ที่จ่าหัวจดหมายว่า ‘my brother’ นอกจากนี้อิทธิพลของ จักรวรรดิ ‘Sassanid’ ยังได้แผ่ขยายอำนาจไปถึง แอฟริกา, จีน รวมทั้งอินเดียด้วย อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญทางด้านศิลปะยุคกลางทั้งในยุโรปและเอเชีย
อิทธิพลยังคงอยู่ต่อหลังจากอิสลามชนะอิหร่าน
อิทธิพลจักรวรรดินี้ยังคงอยู่เรื่อยมาเมื่ออิสลามได้รับชัยชนะต่ออิหร่าน หากแต่แล้วไม่มีสิ่งใดอยู่ได้อย่างจีรังยั่งยืน จากการเข้ามาของจักรวรรดิ Persian ก็เป็นเหตุการณ์หนึ่งซึ่งนำไปสู่จุดจบของความรุ่งเรื่องจักรวรรดิ ‘Sassanid’ ในปี ค.ศ. 644 และเกิดการล่มสลาย ในปี ค.ศ. 651 ซึ่งจักรวรรดิ ‘Sassanid’ ถูกรุกรานครั้งแรกโดยกลุ่มชนมุสลิม ในอาณาบริเวณที่ปัจจุบัน คือ ประเทศอิรักในปี ค.ศ. 633 ในยุคสมัยของ Khalid ibn al-Walid จัดเป็นการพิชิตอิรักของมุสลิม หากแต่ต่อมาหลังจากการย้ายกองกำลังไปยังบริเวณแนว Roman ก็เหมือนกับเป็นการเดินเกมผิดพลาด มุสลิมเสียอิรักคืนแก่Persian หลังจากการรุกรานอิรักครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 636 ภายใต้การนำทัพของ Sa`d ibn Abi Waqqas โดยหลังจากที่ชัยชนะในยุทธการสำคัญอันมีชื่อว่า ยุทธการ en:Battle of al-Qādisiyyah ภายใต้อิทธิพลการปกครองทางตะวันตกของเปอร์เซีย ก็ทำให้ ‘Sassanid’ ถึงคราวสิ้นสุดลง และในขณะเดียวกันเทือกเขา Zagros ก็กลายมาเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างจักรวรรดิ Rashidun และจักรวรรดิ Sassanid
สาเหตุของชัยชนะมาจากแผนวางไว้อย่างดี
สำหรับชัยชนะในช่วงระยะเวลาอันสั้นใน Persian มาจากการรณรงค์ทางทหาร ที่ได้มีการวางแผนเอาไว้เป็นอย่างดี ซึ่งอยู่ห่างไกลจากสมรภูมิใน Persian เป็นระยะทางหลายพันกิโลเมตร นับเป็นชัยชนะอันแสนยิ่งใหญ่ที่สร้างชื่อเสียงอันเกรียงไกรให้แก่คนรุ่นหลังได้ทราบว่าเป็นการวางแผนทางด้านที่มีความน่าสนใจมากที่สุดอีกเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์
นอกจากนี้ทางด้านทัศนะของ นักประวัติศาสตร์ชาวมุสลิมจำนวนมาก ได้ให้ความเห็นพ้องต้องกันมาเป็นเวลานานแล้วว่า การที่ Persian เกือบจะถูกรุกรานโดยกลุ่มชนอาหรับ ซึ่งกำลังอยู่ในสภาพอันแสนเสื่อมโทรมแสดงท่าทีพร้อมอยู่แล้วว่าจะต้องทำการรับการรุกรานของอาหรับ หากแต่ถึงกระนั้นก็ยังมีนักประวัติศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่ง ใช้หลักฐานข้อมูลอาหรับในการศึกษาอย่างเจาะลึกทั้งหมด ผลลัพธ์ปรากฏออกมาว่ามีการตรงกันข้ามต่อความเชื่อดังกล่าว ซึ่งทางด้านชาวอิหร่านเองก็พยายามต่อต้านการรุกรานของชาวอาหรับอย่างแข็งแกร่งอยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะพ่ายแพ้ไป นอกจากนี้หลังจากได้รับชัยชนะแล้ว ทางด้าน Persian ก็ได้เริ่มสงครามทางวัฒนธรรม จนกระทั่งได้รับประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา